ดึงหน้าราคาเท่าไหร่?

ธันวาคม 1, 2025 | 1 นาทีอ่าน
อัปเดตราคาดึงหน้าล่าสุด ทั้งการดึงหน้าขนาดเล็ก การดึงหน้าชั้น SMAS การดึงหน้าลึกชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวพร้อมค่าใช้จ่ายเสริมและตัวเลือกผ่อนชำระช่วยประเมินงบก่อนทำได้ง่ายขึ้น
Reberry Clinic

Editorial Team

การผ่าตัดดึงหน้าเป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิวลดความหย่อนคล้อยและปรับโครงหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมุ่งแก้ไขริ้วรอยลึกแก้มตกและแนวกรามลำคอที่หย่อนตามวัย ถือเป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยมที่ความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยต่างประเทศรายงานว่ามีการทำดึงหน้ามากกว่า 100,000 รายต่อปี และ “ราคา” ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ สำหรับในไทยค่าใช้จ่ายมักอยู่ในช่วงหลักแสนบาทขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้และความซับซ้อนของแต่ละเคสทำให้หลายคนต้องการข้อมูลเรื่องราคาและทางเลือกการผ่อนชำระก่อนเข้ารับการรักษา โดยสรุปแล้วผู้อ่านจะได้เห็นภาพรวมราคาดึงหน้าปัจจัยที่ทำให้ค่ารักษาแตกต่างกันรวมถึงตัวเลือกการชำระเงินและการผ่อนที่ช่วยให้การวางแผนทำศัลยกรรมเป็นเรื่องง่ายขึ้น

ทรีตเมนต์ดึงหน้าราคาเท่าไหร่?

การดึงหน้า (Facelift) คือการผ่าตัดเพื่อยกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น คลินิกหลายแห่งมีเทคนิคการรักษาที่หลากหลาย ตั้งแต่การดึงหน้าแบบแผลเล็กไปจนถึงการดึงหน้าที่เจาะจงมากขึ้นสำหรับผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย ไปจนถึงการดึงหน้าทั้งหน้า หรือการดึงกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกสำหรับผิวหย่อนคล้อยมากขึ้น และเห็นผลชัดเจนทั่วใบหน้าและลำคอ โดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายในการดึงหน้าในประเทศไทย (รวมค่าผ่าตัด ค่าดมยาสลบ ค่าห้องผ่าตัด ค่ายา และค่าดูแลหลังการรักษา) อยู่ที่ประมาณ 150,000–260,000 บาท ขึ้นอยู่กับเทคนิคและแพ็กเกจ ในประเทศเกาหลี ค่าใช้จ่ายในการร้อยไหมอยู่ที่ประมาณ 32,000–88,000 บาท การดึงหน้าแบบแผลเล็กอยู่ที่ 110,000–155,000 บาท การดึงหน้าทั้งหมดอยู่ที่ 220,000–330,000 บาท และการยกกระชับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอยู่ที่ 300,000 บาท ส่วน 265,000–400,000 บาท ถือว่าสูงกว่าที่ไทย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับมาตรฐานและความชำนาญของแพทย์ด้วย

  1. ค่าใช้จ่ายในการยกกระชับด้วยสารเติมเต็ม

    การยกกระชับหน้าด้วยสารเติมเต็มเป็นหัตถการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดที่ใช้ฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์เพื่อยกกระชับเติมเต็มริ้วรอยและปรับรูปหน้าที่หย่อนคล้อยให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนการผ่าตัดดึงหน้าแบบดั้งเดิม ข้อดีคือปลอดภัยเห็นผลเร็วและฟื้นตัวเร็วแต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6–18 เดือน ขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ สำหรับค่าใช้จ่ายในเกาหลีฟิลเลอร์ต่อซีซีประมาณ 16,000–33,000 บาท และโปรแกรมยกกระชับทั้งหน้าอยู่ที่ประมาณ 80,000–240,000 บาท ขึ้นกับเทคนิค จำนวนจุดฉีดและชนิดฟิลเลอร์ แม้ราคาจะสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์ธรรมดาแต่ผู้รับบริการหลายคนมองว่าคุ้มค่า เพราะสามารถปรับรูปหน้ายกกระชับและเติมเต็มจุดหย่อนคล้อยได้พร้อมกันในครั้งเดียว

  2. ค่าใช้จ่ายในการร้อยไหม

    การร้อยไหมเป็นหัตถการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ผ่าตัดโดยใช้เส้นไหมพิเศษ (เส้นไหม PDO) ฝังใต้ผิวหนังเพื่อยกเนื้อเยื่อและปรับรูปหน้าให้ตึงกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้นทันที ช่วยลดความหย่อนคล้อยของแก้ม คาง และกรอบหน้าโดยไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนการผ่าตัดดึงหน้าเต็มรูปแบบ ข้อดีคือเห็นผลลัพธ์ทันทีและฟื้นตัวเร็ว สำหรับค่าใช้จ่ายในเกาหลีขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นไหมและพื้นที่ที่ต้องปรับโดยยกกระชับจุดเล็ก ๆ เช่น คิ้วหรือแก้มบางส่วนราคาประมาณ 35,000–70,000 บาท ส่วนโปรแกรมยกกระชับหลายจุดหรือเต็มหน้า อาจอยู่ที่ 95,000–285,000 บาท ขึ้นกับจำนวนเส้นไหมเทคนิคแพทย์และมาตรฐานคลินิก แม้ราคาจะสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปแต่การร้อยไหมเป็นทางเลือกที่ช่วยปรับรูปหน้าและยกกระชับได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนแต่ไม่อยากเข้าห้องผ่าตัดใหญ่

  3. ค่าใช้จ่ายในการยกกระชับออนดา

    การยกกระชับออนดาเป็นหัตถการยกกระชับผิวหน้าและผิวกายด้วยคลื่นไมโครเวฟซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวเต่งตึงกระชับและลดไขมันบริเวณแก้มคางหรือเหนียงได้โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดสารใด ๆ ข้อดีคือไม่เจ็บมากฟื้นตัวเร็วและเห็นผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติหลังทำเพียงไม่กี่ครั้งสำหรับค่าใช้จ่ายในเกาหลีขึ้นอยู่กับบริเวณและจำนวนครั้งในการรักษาโดยทำครั้งเดียวในจุดเล็กๆ เช่น ใบหน้าหรือเหนียงราคาประมาณ 12,000–35,000 บาท ส่วนโปรแกรมเต็มหน้าหรือหลายจุดพร้อมกันอาจอยู่ที่ 50,000–125,000 บาท ขึ้นกับจำนวนครั้งและขนาดบริเวณที่รักษา แม้ราคาจะสูงกว่าการทำทรีตเมนต์ทั่วไปแต่ทรีตเมนต์ยกกระชับออนดาเป็นทางเลือกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผิวกระชับลดไขมันส่วนเกินและปรับรูปหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัดทำให้เห็นผลชัดเจนโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน

  4. ค่าใช้จ่ายในการทรีตเมนต์ยกกระชับไทเทเนียม

    การยกกระชับไทเทเนียมเป็นหัตถการยกกระชับใบหน้าและลำคอแบบไม่ผ่าตัด โดยใช้เส้นไหมไทเทเนียมพิเศษฝังใต้ผิวหนังเพื่อดึงผิวให้ตึงกระชับและปรับรูปหน้าให้เรียวสวย เส้นไหมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวทำให้ผิวแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ข้อดีคือเห็นผลทันทีฟื้นตัวเร็วและไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนการผ่าตัดดึงหน้า สำหรับค่าใช้จ่ายในเกาหลีขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นไหมและบริเวณที่ทำโดยยกกระชับเฉพาะจุด เช่น คางหรือแก้มบางส่วนราคาประมาณ 45,000–90,000 บาท ส่วนโปรแกรมหลายจุดหรือเต็มหน้า อาจอยู่ที่ 110,000–270,000 บาท ขึ้นกับจำนวนเส้นไหมเทคนิคแพทย์และมาตรฐานคลินิก แม้ราคาจะสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปแต่การยกกระชับไทเทเนียมเป็นทางเลือกที่ช่วยปรับรูปหน้ายกกระชับและลดความหย่อนคล้อยได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนแต่ไม่อยากเข้าห้องผ่าตัด

  5. ค่าใช้จ่ายในการทำการผ่าตัดดึงหน้าขนาดเล็กหรือแบบยกกระชับเฉพาะจุด

    การผ่าตัดดึงหน้าขนาดเล็กคือการดึงหน้าแบบยกกระชับเฉพาะจุดเหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยบริเวณแก้ม ลำคอ หรือกรอบหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ช่วยปรับรูปหน้าให้ตึงขึ้น ริ้วรอยลดลง และฟื้นตัวเร็ว ค่าใช้จ่ายในเกาหลีประมาณ 160,000–210,000 บาท สำหรับจุดเล็ก หรือ 266,000–400,000 บาท สำหรับโปรแกรมทั้งหน้าขึ้นกับความซับซ้อนของแต่ละเคสและประสบการณ์แพทย์ แม้ราคาสูงกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปแต่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนและฟื้นตัวเร็ว

  6. ค่าใช้จ่ายในการทำการดึงหน้าแบบชั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อใต้ผิวหน้า

    การดึงหน้าแบบชั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อใต้ผิวหน้าเป็นการผ่าตัดดึงหน้าลึก ปรับเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อใต้ผิว ทำให้ยกกระชับใบหน้าและกรอบหน้าได้ชัดเจน เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยลึก ข้อดีคือผลลัพธ์คงทนหลายปี แต่ต้องพักฟื้นนานกว่าการผ่าตัดดึงหน้าขนาดเล็ก สำหรับค่าใช้จ่ายในเกาหลีประมาณ266,000–400,000 บาท และอาจสูงขึ้นหากรวมหัตถการเสริมอื่น ๆ แม้ราคาสูงกว่าเทคนิคอื่น ๆ แต่การดึงหน้าแบบชั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อใต้ผิวเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ยกกระชับชัดเจนและถาวร

  7. ค่าใช้จ่ายในการทำการดึงหน้าชั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อชั้น SMAS

    การดึงหน้าชั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อชั้น SMAS เป็นการดึงหน้าแบบลึกที่ปรับชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิว ทำให้ใบหน้ากระชับเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์ เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยลึกผลลัพธ์คงทนนานแต่ต้องพักฟื้นนานกว่าการดึงหน้าแบบตื้น ค่าใช้จ่ายในเกาหลีประมาณ266,000–400,000 บาท และอาจสูงขึ้นหากรวมการผ่าตัดเสริมอื่น ๆ แม้ราคาจะสูงกว่าการผ่าตัดดึงหน้าขนาดเล็กแต่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนาน

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและการทำหัตถการอื่นร่วมกับการดึงหน้า

การทำศัลยกรรมดึงหน้าไม่ได้จำกัดเพียงการยกกระชับใบหน้าเพียงอย่างเดียว หลายคนมักเลือกการทำหัตถการอื่นร่วมด้วยเพื่อปรับรูปหน้าและผิวพรรณให้สมบูรณ์แบบขึ้น เช่น การเติมฟิลเลอร์ เพิ่มโบท็อกซ์ เสริมไขมัน หรือยกคิ้วพร้อมดึงหน้า การรวมหัตถการเหล่านี้ช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและครบวงจรมากขึ้นแต่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายรวมขึ้นตามชนิดและจำนวนของแต่ละหัตถการ เช่น ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและเพิ่มวอลลุ่มใบหน้าดูเต็มขึ้น เพิ่มค่าใช้จ่ายตามปริมาณซีซีที่ใช้โบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยและปรับกรอบหน้า เพิ่มค่าใช้จ่ายตามจำนวนจุดฉีดและการยกคิ้วหรือหัตถการเสริมอื่น ๆ เพิ่มความชัดเจนของกรอบหน้าและเปลือกตา ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและระยะเวลาในการทำผู้ใช้บริการมักเลือกการรวมหัตถการเมื่ออยากปรับรูปหน้าให้สมบูรณ์ลดริ้วรอยและกระชับผิวพร้อมกัน การวางแผนล่วงหน้าและปรึกษาแพทย์ช่วยให้คำนวณค่าใช้จ่ายรวมได้และเหมาะสมกับงบประมาณของแต่ละคน

ค่าใช้จ่ายการดึงหน้าร่วมกับดึงคอ

การดึงหน้าและดึงคอช่วยยกกระชับผิวหน้าและลำคอ ลดความหย่อนคล้อย ริ้วรอย และปรับกรอบหน้าให้เรียวชัดขึ้น การดึงหน้าเน้นใบหน้าส่วนการดึงคอเน้นลำคอการทำทั้งสองร่วมกันให้ผลลัพธ์ครบวงจรและฟื้นตัวเพียงครั้งเดียว ค่าใช้จ่ายในเกาหลีขึ้นกับเทคนิคและความซับซ้อนโดยประมาณการดึงหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 266,000–400,000 บาท, การดึงคอจะอยู่ที่ประมาณ 160,000–210,000 บาท และทำทั้งคู่พร้อมกัน 426,000–600,000 บาท การรวมหัตถการช่วยให้ผลลัพธ์ชัดเจนสมบูรณ์และคุ้มค่ากว่าการทำแยก

ค่าใช้จ่ายการดึงหน้าร่วมกับเสริมจมูก

การดึงหน้าร่วมกับเสริมจมูกเป็นหัตถการศัลยกรรมที่ช่วยปรับรูปหน้าครบวงจร โดยการดึงหน้าช่วยยกกระชับผิวหน้า ลดความหย่อนคล้อย และปรับกรอบหน้าให้เรียวขึ้น ส่วนการเสริมจมูกช่วยปรับสัดส่วนจมูกให้รับกับใบหน้าทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูสมดุลและสวยงาม การทำทั้งสองหัตถการพร้อมกันมักให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและครบถ้วน สำหรับค่าใช้จ่ายในเกาหลีขึ้นอยู่กับเทคนิค ความซับซ้อนของเคส และประสบการณ์แพทย์ การดึงหน้าประมาณ 266,000–400,000 บาท, การเสริมจมูก 160,000–760,000 บาท และทำทั้งคู่พร้อมกันอยู่ที่ประมาณ 426,000–600,000 บาทขึ้นกับความซับซ้อนและการรวมหัตถการเสริมอื่น ๆ เช่น เติมไขมันหรือยกคิ้ว แม้ราคาจะสูงกว่าการทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งการทำทั้งสองร่วมกันช่วยให้ได้ผลลัพธ์ครบถ้วนและฟื้นตัวเพียงครั้งเดียว

ค่าใช้จ่ายการดึงหน้าร่วมกับการทำโบท็อกซ์

การดึงหน้าร่วมกับการทำโบท็อกซ์เป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าอย่างครบวงจร โดยการดึงหน้าช่วยยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย และปรับกรอบหน้าให้เรียวชัดขึ้น ส่วนโบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ตีนกา หรือร่องแก้ม ทำให้ผิวเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์ การทำทั้งสองร่วมกันช่วยให้ใบหน้าดูสดใสเป็นธรรมชาติ และเห็นผลลัพธ์ครบทั้งการยกกระชับและลดริ้วรอย สำหรับค่าใช้จ่ายในเกาหลีขึ้นอยู่กับเทคนิคและจำนวนจุดฉีดโบท็อกซ์รวมถึงความซับซ้อนของการผ่าตัด การดึงหน้าประมาณ 266,000–400,000 บาท, โบท็อกซ์ 160,000–570,000 บาทต่อครั้ง และทำทั้งคู่พร้อมกันประมาณ 426,000–600,000 บาท การรวมการดึงหน้าและการฉีดโบท็อกซ์ช่วยให้ผลลัพธ์ครบวงจรฟื้นตัวครั้งเดียวและปรับใบหน้าให้เรียวกระชับและอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

ตัวเลือกการผ่อนชำระและการจัดการค่าใช้จ่ายสำหรับการดึงหน้า

โดยทั่วไปแล้วการผ่าตัดดึงหน้าไม่ครอบคลุมโดยประกันสุขภาพเพราะถือเป็นศัลยกรรมเสริมความงามผู้รับบริการจึงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด แต่ปัจจุบันมีหลายทางเลือกที่ช่วยให้จัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น เช่น ผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตแบบ 0% หรือดอกเบี้ยพิเศษ ผ่อนตรงกับคลินิกสำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิต สินเชื่อเพื่อการแพทย์สำหรับการผ่อนระยะยาวรวมถึงการวางมัดจำเพื่อจองโปรหรือเตรียมงบก่อนวันผ่าตัด สรุปแล้วแม้ค่าดึงหน้าจะสูงในเกาหลีแต่มีหลายวิธีที่ช่วยให้สามารถเลือกแผนการชำระเงินที่เหมาะกับงบประมาณได้ทำให้การวางแผนทำศัลยกรรมเข้าถึงง่ายขึ้นมากกว่าเดิม

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาการดึงหน้า

ราคาการดึงหน้าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายโดยตรงเทคนิคการผ่าตัดยิ่งซับซ้อนและต้องใช้ความชำนาญสูงราคาก็จะสูงตาม เช่น การผ่าตัดดึงหน้าขนาดเล็กอาจอยู่ที่ 160,000–210,000 บาท ขณะที่การดึงหน้าแบบชั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อใต้ผิวอาจสูงถึง 400,000 บาท หรือมากกว่าประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ก็ส่งผลต่อราคา แพทย์มืออาชีพและมีชื่อเสียงมักคิดค่าบริการสูงกว่า แต่ผู้รับบริการมั่นใจในผลลัพธ์และลดความเสี่ยงจากการผ่าตัด สถานที่และคลินิกก็มีส่วนสำคัญ คลินิกในเมืองใหญ่หรือย่านหรูในเกาหลีมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าพื้นที่ทั่วไป ขอบเขตของการผ่าตัดก็มีผลต่อราคาสุดท้ายจำนวนบริเวณที่ยกกระชับ เช่น แก้ม ลำคอ หรือกรอบหน้า รวมถึงหัตถการเสริมอื่น ๆ จะทำให้ราคาสูงขึ้นการดูแลหลังผ่าตัดและบริการเสริม เช่น ยา โปรแกรมฟื้นฟูหรือการตรวจติดตาม ช่วยให้ฟื้นตัวเร็วแต่ก็เพิ่มค่าใช้จ่ายรวมราคาการทำการดึงหน้าในเกาหลีขึ้นอยู่กับเทคนิค แพทย์ สถานที่ ขอบเขตการผ่าตัด และการดูแลหลังผ่าตัด ผู้สนใจควรปรึกษาแพทย์และวางแผนล่วงหน้าเพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการ

1. ความซับซ้อนและประเภทของหัตถการ

ความซับซ้อนและประเภทของหัตถการเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาการยิ่งหัตถการซับซ้อนและต้องปรับชั้นกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อใต้ผิวลึก เช่น การดึงหน้าชั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อชั้น SMAS หรือการดึงหน้าลึกระดับชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวราคาก็มักสูงขึ้น เนื่องจากต้องใช้เวลาผ่าตัดนานและแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญสูง ในขณะที่การดึงหน้าแบบเล็กหรือการยกกระชับเฉพาะจุดใช้เวลาน้อยและฟื้นตัวเร็วราคาจะต่ำกว่า นอกจากนี้ การรวมหัตถการเสริมอื่น ๆ เช่น การเติมไขมัน ยกคิ้ว หรือดึงคอพร้อมกัน ก็เพิ่มความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายตามไปด้วย การเลือกประเภทและขอบเขตของหัตถการจึงเป็นสิ่งสำคัญ ผู้รับบริการควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมกับความต้องการผลลัพธ์และงบประมาณ

2. ความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงของแพทย์

ความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงของแพทย์เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อราคาการดึงหน้าแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงมีผลงานและชื่อเสียงด้านศัลยกรรมตกแต่งมักคิดค่าบริการสูงกว่า เพราะผู้ใช้บริการมั่นใจในความปลอดภัยผลลัพธ์ที่สวยงามและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน ขณะที่แพทย์มือใหม่หรือประสบการณ์น้อยราคาจะต่ำกว่าแต่ผลลัพธ์และความแม่นยำอาจแตกต่างกัน การเลือกแพทย์จึงควรพิจารณาทั้งประสบการณ์ ชื่อเสียง รีวิวจากผู้รับบริการ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับความต้องการสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทีมแพทย์และการให้บริการสามารถดูได้ที่ Reberry คลินิก

3. ทำเลที่ตั้งของคลินิก

ทำเลที่ตั้งของคลินิกหรือโรงพยาบาลมีผลต่อราคาการดึงหน้าอย่างมากคลินิกในเมืองใหญ่หรือย่านหรูมักมีค่าเช่าสถานที่สูง อุปกรณ์ทันสมัย และบริการครบวงจร ทำให้ราคาสูงกว่าคลินิกในพื้นที่ชานเมืองหรือจังหวัดอื่น ขณะที่การเลือกทำในพื้นที่ที่ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าอาจช่วยลดราคาสุดท้ายได้แต่ควรพิจารณาคุณภาพแพทย์และมาตรฐานความปลอดภัยควบคู่ไปด้วย การเลือกทำเลจึงเป็นการประเมินทั้งราคา ความสะดวก และความมั่นใจในคุณภาพบริการเพื่อให้เหมาะกับงบประมาณและผลลัพธ์ที่ต้องการ

4. ค่าผ่าตัดและค่าบริการสถานพยาบาล

ค่าใช้จ่ายด้านยาสลบและค่าบริการสถานพยาบาลเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาการดึงหน้า การใช้ยาสลบแบบทั่วไปหรือแบบฉีดเข้าหลอดเลือดดำรวมถึงความซับซ้อนของการดูแลขณะผ่าตัดจะมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกัน ส่วนค่าบริการสถานพยาบาลครอบคลุมค่าใช้ห้องผ่าตัด อุปกรณ์ทางการแพทย์ และทีมดูแลหลังผ่าตัด คลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานสูงและอุปกรณ์ครบครันมักมีราคาสูงกว่า การรวมค่าใช้จ่ายด้านยาสลบและสถานพยาบาลเข้าในงบประมาณช่วยให้ผู้รับบริการวางแผนค่าใช้จ่ายได้และมั่นใจในความปลอดภัยตลอดการผ่าตัด

5. การดูแลก่อนและหลังผ่าตัด

การดูแลก่อนและหลังการดึงหน้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์และค่าใช้จ่าย ผู้รับบริการจำเป็นต้องตรวจร่างกายและปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าเพื่อประเมินความพร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนผ่าตัด เช่น งดยาและอาหารบางชนิด การดูแลหลังผ่าตัด เช่น การรับประทานยา การประคบ การนวดหน้า และการติดตามผล จะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนแต่บริการเหล่านี้มักเพิ่มค่าใช้จ่ายรวม การวางแผนและเตรียมการล่วงหน้าจึงช่วยให้ทั้งผลลัพธ์และค่าใช้จ่ายเหมาะสมกับความต้องการของผู้รับบริการ

ราคาการดึงหน้าที่เกาหลี

เกาหลีเป็นหนึ่งในประเทศที่คนทั่วโลกนิยมไปทำการดึงหน้าเพราะมีแพทย์ฝีมือสูงเทคนิคทันสมัยและมีมาตรฐานราคาจึงแตกต่างจากประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยราคายอดนิยมในเกาหลีได้แก่ การร้อยไหมประมาณ 32,000–88,000 บาท สำหรับการยกกระชับหน้าแบบไม่ผ่าตัด, การดึงหน้าชั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อชั้น SMAS หรือการดึงหน้าทั้งหน้าราคาประมาณ 220,000–330,000 บาท และการดึงหน้าลึกระดับชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวราคาประมาณ 265,000–400,000 บาท เมื่อเทียบกับไทยซึ่งมักอยู่ในหลักแสนบาทจะเห็นว่าราคาที่เกาหลีอยู่ในระดับสูงกว่าแต่แลกมาด้วยคุณภาพมาตรฐานและความเชี่ยวชาญของแพทย์ โดยเฉพาะเทคนิคการดึงหน้าชั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อชั้น SMAS และเทคนิคการดึงหน้าลึกระดับชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติ

ราคาที่แตกต่างมาจากหลายปัจจัย เช่น จำนวนคลินิกและการแข่งขันสูง ทำให้มีราคาสมเหตุสมผล มาตรฐานการแพทย์และความเชี่ยวชาญสูงและค่าใช้จ่ายด้านสถานพยาบาลหรืออุปกรณ์ทันสมัย แม้ผู้ที่เดินทางมาจากไทยต้องคำนึงค่าตั๋วเครื่องบินและที่พัก แต่หลายคนถือว่าคุ้มค่าเพราะได้ผลลัพธ์ครบวงจรและปลอดภัย การดึงหน้าที่เกาหลีจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพสูง ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและฟื้นตัวอย่างมั่นใจ

ราคาการดึงหน้าที่เกาหลีเทียบกับการดึงหน้าที่ไทย

การดึงหน้าเป็นศัลยกรรมยอดนิยมทั้งในเกาหลีและไทยราคาจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเทคนิค ความเชี่ยวชาญของแพทย์และมาตรฐานคลินิก ตัวอย่างช่วงราคายอดนิยมมีดังนี้

หัตถการราคาประมาณในเกาหลี (บาท)ราคาประมาณในไทย (บาท)
การร้อยไหม32,000 – 88,00020,000 – 60,000
ดึงหน้าขนาดเล็ก110,000 – 155,00080,000 – 150,000
ดึงหน้าชั้น SMAS / ดึงหน้าทั้งหน้า220,000 – 330,000150,000 – 260,000
ดึงหน้าลึกชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิว265,000 – 400,000+200,000 – 350,000
ฟิลเลอร์ยกกระชับทั้งหน้า80,000 – 240,00050,000 – 180,000

ความแตกต่างของราคามาจากหลายปัจจัย เช่น ความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงของแพทย์ มาตรฐานคลินิกและอุปกรณ์ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านสถานพยาบาลและบริการเสริมหลังผ่าตัด แม้ราคาที่เกาหลีบางเทคนิคจะสูงกว่าไทยแต่คุณภาพและมาตรฐานมักสูงกว่า ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัยมากขึ้น สำหรับผู้ที่เน้นคุณภาพและผลลัพธ์ยาวนานเกาหลีถือว่าคุ้มค่า

การดึงหน้าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายหรือไม่?

การดึงหน้าถือเป็นการลงทุนทั้งด้านเวลาและค่าใช้จ่ายแต่ผลลัพธ์ที่ได้มักคุ้มค่า เพราะช่วยยกกระชับผิวลดริ้วรอยปรับรูปหน้าให้สมดุลและดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ราคาจะแตกต่างกันไปตามเทคนิค ความซับซ้อนของเคส และมาตรฐานคลินิก แต่การเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละคนจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนฟื้นตัวเร็วและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน

สำหรับผู้ที่สนใจการการดึงหน้าการเลือกคลินิกและแพทย์ที่เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญ ในส่วนนี้Reberry คลินิก โดดเด่นด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคทันสมัยและมาตรฐานการรักษา อีกทั้งเกาหลีเองถือเป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยมระดับโลกด้านศัลยกรรมทำให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ว่าการลงทุนครั้งนี้จะได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและน่าพึงพอใจพร้อมทั้งประสบการณ์การดูแลครบวงจรตั้งแต่ปรึกษาไปจนถึงการพักฟื้น

the reberry logo

Reberry Clinic

Editorial Team

At Reberry Clinic, we believe healthy, glowing skin is nurtured through personalized care and advanced treatments tailored to each individual. We operate on a one-doctor-per-patient system, ensuring that every member of our team takes the time to deeply understand your skin’s history and create meaningful, lasting transformations

สัมผัสประสบการณ์กับแพทย์ผิวหนังอันดับ 1 ที่เชื่อถือได้ในเกาหลีใต้ — ราคาเท่ากันสำหรับทุกคน

Consent to collection, use and provision of personal information

1. Basic collection items: [Required] Name, (mobile) phone number, [Optional] Email address
※ Additional mandatory items to be collected
– When purchasing products requiring delivery, visit, etc.: Address
– When purchasing products related to overseas travel: English name as shown on passport, last 4 digits of passport number, gender, date of birth, email address, KakaoTalk ID, information on accompanying children (English name as shown on passport, date of birth, height)
– When using a hospital: Date of birth (The name of the person making the reservation, date of birth, and phone number may be collected to check previous medical records when re-visiting the hospital.)
– When making a reservation at a car inspection center: Vehicle number, [Optional] (If eligible for a discount on socially disadvantaged fees) Whether or not they are a basic livelihood recipient, a person of national merit, a single-parent family, a family with many children, a family receiving support for traffic accidents, or a traffic safety officer
2. Purpose of collection and use: To ensure smooth transactions between business members and reservation users, customer consultation, complaint handling, etc., record preservation for dispute resolution
 
3. Storage period
– Destroyed without delay when membership is cancelled
– However, optional items when making a reservation at a car inspection center are not stored separately
– However, if storage is required for a certain period of time according to relevant laws, it will be stored for that period.
4. Notice on the right to refuse consent, etc.: The data subject has the right to refuse consent to the collection and use of personal information, but in this case, reservations for products and services may be restricted. Other matters are subject to Naver’s personal information processing policy.
1. Recipient of personal information: Representative Liberi
 
2. Basic personal information items provided: [Required] Masked ID, name, (mobile) phone number, gender, age group, [Optional] email address
※ Required items provided additionally
– When purchasing products requiring delivery, visit, etc.: Address
– When purchasing products related to overseas travel: English name as on passport, last 4 digits of passport number, date of birth, email address, KakaoTalk ID, information on accompanying children (English name as on passport, date of birth, height)
– When using a hospital: Date of birth (The name of the person making the reservation, date of birth, and phone number may be collected to check previous medical records when re-visiting the hospital.)
– When making a reservation at a car inspection center: Vehicle number, [Optional] (If eligible for a discount on socially disadvantaged fees) Whether or not they are among the basic livelihood recipients, persons of national merit, single-parent families, families with many children, families receiving support for traffic accidents, and traffic safety professionals
3. Purpose of use by the recipient of personal information: To facilitate smooth transactions between business members and reservation users, to provide benefits and customized services based on service analysis and statistics, to handle complaints, to provide customer consultation, customer management, to conduct surveys and provide benefits based on service use, and to preserve records for dispute resolution.
 
4. Personal information retention and use period of the person receiving the personal information: Until withdrawal of Naver membership or achievement of the purpose of using the personal information above. (However, in case there is a retention obligation according to relevant laws, the information will be retained for that period.)
 
5. Notification of right to refuse consent, etc.: The data subject has the right to refuse consent to provide personal information, but in this case, reservations for products and services may be restricted.